เจ้าหน้าที่เอฟบีไอจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 13 คน ฐานร่วมกันเตรียมลักพาตัวผู้ว่าการรัฐมิชิแกน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองแลนซิง รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ว่าสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี เรื่องการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 13 คน เป็นชายทั้งหมด และส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม “วูล์ฟเวอรีน วอต์ชเมน” ฐานสมคบคิดเตรียมการลักพาตัวนางเกรตเชน วิธเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน และก่อเหตุรุนแรงเพื่อจุดชนวนให้เกิด “สงครามกลางเมือง”
เอฟบีไอและสำนักงานอัยการของรัฐบาลกลางประจำเขตมิชิแกนตะวันตกแบ่งผู้ต้องหาออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 6 คน โดย 5 คนมีภูมิลำเนาในรัฐมิชิแกน และอีกคนหนึ่งจากรัฐเดลาแวร์ ถูกดำเนินคดีระดับรัฐบาลกลาง จากการร่วมกันริเริ่มวางแผนลักพาตัวผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ส่วนอีก 7 คนที่เหลือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของรัฐมิชิแกน ในข้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย และการมีพฤติกรรมอันธพาลท้าทายกฎหมาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอแฝงตัวเข้าไปร่วมการประชุมของกลุ่มหัวรุนแรงทางการเมืองกลุ่มหนึ่ง ที่เมืองดับลิน ในรัฐโอไฮโอ เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา จึงได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมเคลื่อนไหวในรัฐมิชิแกน เพื่อล้มรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมงานกล่าวหาว่า “เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐ” โดยแผนการเบื้องต้นคือ รวบรวมสมาชิกชายฉกรรจ์ให้ได้ประมาณ 200 คน ลงมือก่อนวันเลือกตั้ง 3 พ.ย. นี้ บุกจู่โจมศูนย์ราชการแล้วควบคุมตัวบุคคลที่อยู่ภายใน โดยเฉพาะวิธเมอร์ หากเกิดข้อผิดพลาด ให้เปลี่ยนแผนไปเป็นบ้านพักของผู้ว่าการรัฐมิชิแกน
ต่อมาวิธเมอร์แถลงประณามแผนการดังกล่าวอย่างหนัก และกล่าวหาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “มีส่วนเกี่ยวข้อง” จากความล้มเหลวด้านนโยบายความมั่นคงภายใน และยังมีท่าทีสนับสนุนกลุ่มคลั่งชาติสุดโต่งเหล่านี้ด้วย ขณะที่ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยน.ส.เคย์ลีห์ แมคอีแนนีย์ โฆษกหญิงของทำเนีบบขาว ยืนยันว่าผู้นำสหรัฐประณามกลุ่มคนลักษณะนี้ และการปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังทางสังคมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง คำพูดของผู้ว่าการรัฐมิชิแกนมีแต่จะยิ่งสร้างความแตกแยกในสังคมมากขึ้นเท่านั้น