รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐมีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย ประกาศมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ หากฝ่าฝืนต้องจ่ายครั้งละประมาณ 4,600 บาท

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ว่านางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐมีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย แถลงเมื่อวันเสาร์ ว่านับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 3 ม.ค.นี้เป็นต้นไป “จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง” การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในร่มหรือกลางแจ้ง “เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ”

ผู้ที่ฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมายด้านสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ อย่างไรก็ดี ทางการจะเริ่มเก็บค่าปรับต่อผู้ที่ฝ่าฝืน ครั้งละ 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ( ราว 4,645.97 บาท ) ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.นี้
 
ขณะเดียวกัน เบเรจิกเลียนยังประกาศมาตรการจำกัดจำนวนคนในโรงยิม งานแต่งงาน งานศพ และศาสนสถาน นอกจากนี้ เธอยังออกคำสั่งห้ามการร้องเพลงและเต้นในไนต์คลับ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันคริกเก็ตกระชับมิตรระหว่างออสเตรเลียกับอินเดีย กำหนดในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ลดจำนวนผู้เข้าชมในสนามเหลือไม่เกิน 50%

ปัจจุบันรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีเมืองเอกคือเมืองซิดนีย์ ที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียด้วย มีสถิติผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 4,758 คน เพิ่มขึ้น 19 คนในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด แบ่งเป็นการติดเชื้อภายในพื้นที่ 7 คน และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 คน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตยังสะสมอยู่ที่อย่างน้อย 56 คน ขณะที่สถิติสะสมทั่วออสเตรเลีย อยู่ที่อย่างน้อย 28,450 คน และเสียชีวิตแล้วมากกว่า 900 คน